สรุปสาระสำคัญของระบบพนักงานราชการ
ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย
พนักงานราชการ พ.ศ. 2547
พนักงานราชการ คือ
บุคคลซึ่งได้รับการจ้างตามสัญญาจ้างโดยได้รับค่าตอบแทน
จากงบประมาณของส่วนราชการเพื่อเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในการปฏิบัติงานให้กับส่วนราชการนั้น
สาระสำคัญของระบบพนักงานราชการ
1.
หลักการในการบริหารบุคคลในระบบพนักงานราชการ คือ เพื่อปรับปรุงกระบวนการ
จ้างงานภาครัฐในส่วนของลูกจ้างของส่วนราชการให้มีความหลากหลาย
และเหมาะสมในการใช้
กำลังคนภาครัฐ
และเป็นผลให้การปฏิบัติราชการมีความคล่องตัว เกิดประสิทธิภาพประสิทธิผล
สอดคล้องตามแนวทางบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่
2. พนักงานราชการ มี 2 ประเภท
และจำแนกตำแหน่งตามลักษณะงานและผลผลิต
ของงาน เป็น 6 กลุ่ม ดังนี้
2.1 พนักงานราชการทั่วไป ปฏิบัติงานในลักษณะเป็นงานประจำทั่วไป
ของส่วนราชการ พนักงานราชการประเภทนี้ มี 5 กลุ่ม คือ
(1) กลุ่มงานบริการ มีลักษณะงานเป็นงานปฏิบัติระดับต้น ไม่ซับซ้อน
มีขั้นตอนชัดเจน ไม่ใช้ทักษะเฉพาะ (วุฒิ ม. 3, ม.ศ. 3, ม. 6, ปวช., ปวท., ปวส.) เช่น
ตำแหน่งพี่เลี้ยงเด็กพนักงานช่วยการพยาบาล พนักงานเขียนโฉนด ฯลฯ
(2) กลุ่มงานเทคนิค
มีลักษณะงานที่ต้องใช้ความรู้ความชำนาญทางเทคนิค
ซึ่งต้องผ่านการศึกษาในระบบหรืองานที่ปฏิบัติโดยใช้ทักษะเฉพาะบุคคล
(วุฒิ ปวช. ปวท. ปวส. หรือ
มีประสบการณ์ในงานที่ปฏิบัติไม่น้อยกว่า 5 ปี) เช่น ช่างเครื่องเรือ ช่างกษาปณ์ ช่างปราณีตศิลป์ ฯลฯ
(3) กลุ่มงานบริหารทั่วไป มีลักษณะงานเช่นเดียวกับที่ข้าราชการปฏิบัติ
แต่มีความจำเป็นเร่งด่วนและมีระยะเวลาการปฏิบัติงานที่แน่นอน
หรือ ไม่ใช่งานลักษณะเช่นเดียวกับ
ที่ข้าราชการปฏิบัติ
แต่จำเป็นต้องใช้วุฒิปริญญา (วุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี
ที่เหมาะสมกับลักษณะงาน
ที่ปฏิบัติ) เช่น เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน นิติกร บุคลากร ฯลฯ
(4) กลุ่มงานวิชาชีพเฉพาะ
มีลักษณะงานที่ไม่อาจมอบให้ผู้มีคุณวุฒิอย่างอื่น
ปฏิบัติแทนได้ และ
มีผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือ
เป็นงานทางวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี หรือ เป็นงานที่ขาดแคลน (วุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี, ปริญญาตรี+ใบอนุญาตประกอบ
วิชาชีพ) เช่น แพทย์
วิศวกร สถาปนิก เภสัชกร
นักเทคนิคการแพทย์
นักฟิสิกส์รังสี นักวิชาการ-
คอมพิวเตอร์
(5) กลุ่มเชี่ยวชาญเฉพาะ มีลักษณะงานที่ต้องใช้ความรู้ ประสบการณ์
หลักวิชา
ภูมิปัญญาท้องถิ่น หรือ เป็นการพัฒนาระบบ/มาตรฐานที่ใช้ความรู้และประสบการณ์
เชี่ยวชาญเฉพาะ (วุฒิปริญญาตรี+ประสบการณ์ 6 ปี , ปริญญาโท+ประสบการณ์ 4 ปี , ปริญญาเอก+
ประสบการณ์ 2 ปี) เช่น
นักบิน นักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ)
2.2 พนักงานราชการพิเศษ ปฏิบัติงานในลักษณะที่ต้องใช้ความรู้หรือความ
เชี่ยวชาญสูงมากเป็นพิเศษ
เพื่อปฏิบัติงานในเรื่องที่มีความสำคัญและจำเป็นเฉพาะเรื่องของส่วนราชการ
หรือมีความจำเป็นต้องใช้บุคคลในลักษณะดังกล่าว พนักงานราชการประเภทนี้ มี 1 กลุ่ม คือ
(6) กลุ่มงานเชี่ยวชาญพิเศษ มีลักษณะงานที่ใช้ความรู้ ความสามารถ
ประสบการณ์
และเชี่ยวชาญพิเศษระดับสูงเป็นที่ยอมรับ
หรือ งาน/โครงการที่ไม่อาจหาผู้ปฏิบัติ
ที่เหมาะสมในหน่วยงานได้ หรือ งานที่มีลักษณะไม่เป็นงานประจำ (ส่วนราชการสามารถกำหนดวุฒิ
การศึกษา ประสบการณ์
ตามระดับของความเชี่ยวชาญพิเศษ) เช่น
ที่ปรึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้บริหาร-
โครงการ ฯลฯ
ทั้งนี้
การกำหนดลักษณะงานและคุณสมบัติเฉพาะเป็นไปตาม ประกาศของคณะ
กรรมการบริหารพนักงานราชการ ซึ่งจะประกาศตามมา และส่วนราชการสามารถกำหนด
ชื่อตำแหน่งได้เองตามความเหมาะสมของงาน
3.
การกำหนดบัญชีค่าตอบแทน จะกำหนดโดยแยกบัญชีตามลักษณะงานเป็น
6 บัญชี
และมีการเลื่อนขั้นค่าตอบแทนปีละ 1 ครั้ง
คือ 1 ตุลาคม ของทุกปี นอกจากนี้จะได้รับ
สิทธิประโยชน์แตกต่างกันไปในแต่ละกลุ่มลักษณะงาน (รายละเอียดบัญชีค่าตอบแทนและสิทธิ-
ประโยชน์อื่น ๆ เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการฯ)
4.
ส่วนราชการจะต้องจัดทำ
กรอบอัตรากำลังพนักงานราชการ เป็นระยะเวลา
4 ปี สำหรับกรอบรอบแรกจะต้องให้แล้วเสร็จภายใน
3 เดือน (สำหรับส่วนราชการที่มีจำนวนลูกจ้าง
ประจำ ไม่เกิน 5,000 คน) โดยจำนวนตำแหน่งขึ้นอยู่กับกรอบภารกิจและงบประมาณของส่วนราชการ
(ลูกจ้างประจำ+ลูกจ้างชั่วคราว เท่าที่จำเป็น) กรณีกรอบอัตรากำลังยังไม่แล้วเสร็จ แต่มีความจำเป็น
และมีงบประมาณแล้ว ให้จ้างได้ตามกรอบลูกจ้างประจำไปพลางก่อน โดย
กรอบพนักงานราชการ
= กรอบลูกจ้างประจำ
– จำนวนลูกจ้างประจำในลักษณะ
งานจ้างเหมา
ทั้งนี้
ลูกจ้างประจำปัจจุบันจะเข้าสู่ระบบใหม่ได้โดยความสมัครใจ และส่วนราชการ
จะต้องกำหนดให้มีการสรรหาและเลือกสรร ตามแนวทางที่จะกำหนดในประกาศคณะกรรมการฯ
ต่อไป
5.
การจ้างพนักงานราชการ เป็นระบบสัญญาจ้าง ซึ่งไม่เกินคราวละ 4 ปี หรือ
ตามโครงการและต่อสัญญาได้ตามความเหมาะสม การสิ้นสุดสัญญาจะมีได้ด้วยเหตุ : ครบกำหนด,
ขาดคุณสมบัติ, ตาย, ไม่ผ่านการประเมินฯ, ถูกไล่ออกเพราะกระทำผิดวินัยร้ายแรง, หรือเหตุอื่น ๆ
เช่น ลาออก
บอกเลิกสัญญา ฯลฯ
6.
ในระหว่างสัญญาจ้าง ให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงาน ปีละ 2 ครั้ง
(1 ตุลาคม – 31 มีนาคม และ 1 เมษายน – 30 กันยายน) สำหรับพนักงานราชการทั่วไป ส่วนพนักงาน
ราชการพิเศษ
ให้กระทำกรณีประเมินผลสำเร็จของงานตามช่วงเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้าง
7.
พนักงานราชการต้องรักษาวินัย
หากฝ่าฝืนข้อห้ามหรือไม่ปฏิบัติตามถือว่าเป็นการ
กระทำผิดวินัย ต้องได้รับโทษทางวินัย
8.
ให้มี คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ
(คพร.) ซึ่งประกอบด้วยรองนายกฯ
เป็นประธาน
เลขาธิการ ก.พ. เป็นรองประธาน มีกรรมการ 10 คน (จากหน่วยงานกลางบริหารคน เงิน
แผน
แรงงาน กลาโหม ฯลฯ) และผู้ทรงคุณวุฒิ 4 สาขา (บริหารงานบุคคล กฎหมาย
เศรษฐศาสตร์
และแรงงานสัมพันธ์) โดยฝ่ายเลขานุการเป็นผู้แทนจาก ก.พ. สงป. และกรมบัญชีกลาง
คณะกรรมการฯ
มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดแผนงานและแนวทางปฏิบัติ รวมทั้ง
เสนอแนะส่วนราชการในการบริหารพนักงานราชการในเรื่องต่าง
ๆ เช่น การสรรหาและเลือกสรร กำหนด
กลุ่มงานและลักษณะงาน
ให้ความเห็นชอบกรอบอัตรากำลัง กำหนดอัตราค่าตอบแทน และมาตรฐาน
การประเมินผลการปฏิบัติงาน ฯลฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น